eveadam

eveadam

2015/06/11

Throwback to UK trip 2014: how to plan a trip

ว่าด้วยเรื่องการวางแผนเที่ยว 
ก่อนจะเที่ยวก็ต้องวางแผนก่อน เพราะบ้านเมืองนี้เป็นที่ๆเราไม่คุ้นเคย สถานที่ท่องเที่ยวก็รู้ไม่เยอะ ไม่รู้ว่าต้องไปเมืองไหนบ้าง ที่ไหนบ้าง ทุกอย่างต้องการการวางแผน เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและเพื่อนๆที่ไปด้วยกัน บางทีการมีแผนก็ทำให้อะไรๆง่ายขึ้นเยอะ แต่ life unplanned บางทีก็สนุกดี เอาไว้ไปลองในที่ที่เราคุ้นเคยและมีเวลาเหลือเฟือให้ใช้ดีกว่า 
ตอนนี้เรามาวางแผนกันก่อนดีกว่า
(1)
อันดับแรกเลย คือต้องพึ่พันทิป ว่าจะไปเที่ยวเมืองไหนดี หรือถ้ามีเมืองไหนไว้ในใจแล้วก็ดูๆสถานที่ท่องเที่ยวของเทืองนั้นๆ ว่ามีอะไรให้เที่ยวบ้าง มากน้อยแค่ไหนก็ว่ากันไป

(2)
ต่อมาก็ต้องดูเวลาของรถไฟ ทั้งขาไปขากลับ ให้มันสอดคล้องกับเวลาของรถบัสที่เราจะนั่งกลับบ้าน เพราะแท้กซี่ที่อังกฤษมันจะแพงมาก เคยโดนโกงไป 2 รอบ เข็ดเลย

P.S. อีกอย่างที่ต้องดูคือดูเวลาถึงของรถไฟในเมืองที่เราจะไป ให้มันทันกับเวลาของรถบัสที่เราจะขึ้นไปสถานที่ท่องเที่ยวในที่ต่อๆไป เพราะว่าบางทีลงรถไฟแล้วก็ยังไม่ถึง ต้องนั่งรถบัสต่อไปอีก เช่น Alton Towers or Bourton-on-the-Water and Bibury Trout Farm

(3)
พอเลือกเมือง และดูเวลารถไฟเสร็จแล้ว ก็เปิดพันทิปดูอีกทีว่าเมืองที่เราเลือกเนี่ย มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ไปเที่ยวไหนดี ถ้าดูชื่อแล้วไม่แน่ใจก็เอาชื่อไป search ใน google ดูรูปว่าสถานที่นี้ไปดีมั้ย สวยถูกใจเรารึเปล่า และอยากไปรึเปล่า ดูแล้วก็จดลิสไว้ว่ามีสถานที่ไหนบ้าง

(4)
ขั้นตอนต่อไปก็เอาชื่อสถานที่พวกเนี้ย ไปใส่ใน Google Map แล้วก็ดูว่าจะเดินทางยังไง ใช้บัส route ไหน ที่ไหนควรไปก่อนหลัง แล้วขึ้นรถบัสเบอร์ไหน ต่อเบอร์ไหน จะได้ไม่เสียเวลาย้อนไปย้อนมา ถ้าเรารู้ route รถบัสแล้วเราก็จะเดินทางสบายๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเวลาไปกับการนั่งรถอ้อม

หรือว่าเราจะเปิดดู City Sightseeing Bus Route ของแต่ละเมืองดูเลยก็ได้ เพราะว่าแต่ละเมืองจะมีบัสนี้วิ่ง และก็จะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆของแต่ละเมืองอยู่แล้ว เวลารถบัสนี้วิ่ง ก็จะวิ่งตามแนวไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยอ้อมเท่าไร เรายึด route นี้แล้วก็เที่ยวตามเลยก็ได้


ขั้นตอนพวกนี้นี่บัญญัติขึ้นเองโดยอัตโนมัติเมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ให้จัดทริปเวลาไปเที่ยวในที่ต่างๆ แต่ขั้นตอนพวกนี้ช่วยได้เยอะเลยนะ เพราะจะทำให้เราได้เตรียมตัว และเที่ยวได้อย่างมีแบบแผน

และเวลาขึ้นรถบัส ให้ซื้อตั๋วรถบัสแบบ one day pass ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ £4-6 ไม่เกินนี้ทุกเมือง จะคุ้มกว่าซื้อทีละเที่ยว ถ้าเราจำเป็นต้องขึ้นลงรถบัสบ่อยๆ
.
.
.

2015/06/05

Throwback to UK trip 2014: reservations

ว่าด้วยเรื่องจะไปเที่ยว มันก็ต้องจองโน่นนี่นั่นล่วงหน้าเยอะแยะไปหมด
เพื่อให้ได้ราคาที่ถูก ยิ่งล่วงหน้านานเท่าไร ยิ่งถูก พอยิ่งถูก ก็ยิ่งดี ประหยัดเงินไปได้อีก
ช่องทางการจองที่สะดวกที่สุด ก็คือการจองออนไลน์ สบายแค่นิ้วจิ้ม

สมัยนี้สบายจะตายยย




เว้ปแรกเลยก็คือ www.nationalrail.co.uk เพราะสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเที่ยวเลยก็คือเดินทาง
เข้าไปในเว้ปนี้จะมีให้ทุกอย่างเลย ทั้งเวลา depart/arrive ดูวันเวลาที่นั่ง โอ้ยสารพัด


เหมือนในรูปเลย เราจะเดินทางวันไหนเราก็จิ้มๆ เลือกต้นทาง ปลายทาง วัน เวลา one way or return
พอเลือกเสร็จก็กด GO เข้าไปก็จะมีตารางเวลาขึ้นมาให้ กดเลือกเวลาเรียบร้อยก็ Buy now

จริงๆไม่เคยจองผ่านเว้ปสักที เพราะถ้าจะซื้อล่วงหน้าก็จะไปซื้อเองที่ rail station เลย ง่ายกว่า ได้ตั๋วเลย แล้วมันใกล้ๆด้วย ไม่ได้ลำบากในการเดินทาง ก็ไปซื้อเลย สบายดี ก็เลยไม่ชัวร์ตรงขั้นตอนต่อไปในการจ่ายเงิน และรับตั๋ว แต่ถถ้าจำไม่ผิด มันน่าจะให้ใส่เลขบัตร credit/debit เพื่อตัดเงิน และก็ปริ้นกระดาษไปรับตั๋วที่ตู้ แบบใส่โค้ดแล้วได้ตั๋วไรงี้

สารภาพว่าเข้าเว้ปละงง เมื่อก่อนยังไม่งงขนาดนี้เลย .___.


มาต่อที่เว้ปนี้ www.booking.com เป็นเว้ปจองโรงแรม
กดเข้าไปก็ใส่ location วันเวลา จำนวนคนที่จะพัก กี่คืนๆก็ว่าไป แล้วก็กด มันก็จะขึ้นมาให้เลือกเต็มไปหมด มีทั้งราคา จำนวนห้องที่เหลือ กี่ดาว rating จากลูกค้า พอกดเข้าไปเฉพาะเจาะจงโรงแรม ก็จะมีรีวิวขึ้นมา สำหรับคนที่เคยไปพัก ว่ามันดียังไงหรือไม่ดียังไง รีวิวก็จะมีทั้งดีทั้งร้าย ดูๆไป นอกจากนั้นก็จะมีคำอธิบายอวยโรงแรมตัวเอง ว่าโรงแรมตั้งอยู่ใน location นี้ ใกล้สถานีรถไฟไหน ป้ายรถบัสอะไร สถานที่ท่องเที่ยวไหน ร้านสะดวกซื้อ เอาไว้ซื้อของ ละก็มีแผนที่ ส่วนห้องก็จะมีให้เลือกหลายแบบ นอนได้กี่คน ราคาเท่าไรต่อคืน มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง

Booking.com นี้จะได้ rate ถูกกว่าจองกับโรงแรมบางที่ซะอีก เวลาจ่ายเงินก็จะให้กรอกรายละเอียดคนจอง แล้วใส่เลขบัตรเครดิตเข้าไป มีข้อดีเลยอย่างนึงคือยังไม่ต้องจ่ายเงิน ไปจ่ายตอนที่เข้าพักทีเดียวเลย หรือบางโรงแรมก็จะจ่ายแค่มัดจำ ซึ่ง Booking.com นี้เชื่อถือได้ มีโรงแรมที่ deal กับเว้ปนี้อยู่ทั่วโลกเต็มไปหมด มีทั้ง hotel, hostel, bed and breakfast ยัน 7 stars hotel

จริงๆมีอีกประมาณ 3 เว้ปที่รู้จักที่ใช้จองโรงแรมได้ rate ราคาก็จะพอๆกัน บางที่บางเว้ปอาจจะถูกกว่ากันนิดหน่อย พอหอมปากหอมคอ

www.expedia.com
www.agoda.com
www.hotels.com



มาต่อที่เว้ปสุดท้าย www.tripadvisor.com อันนี้เป็นเว้ปที่มีสโลแกนว่า
"Plan and book your perfect trip"


สามารถจองได้ทั้งโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ร้านอาหาร และอีกสารพัดผ่านเว้ปนี้ แต่ไม่เคยใช้เลย
จะเข้าเว้ปนี้ก็ต่อเมื่อต้องการดู feedback ของโรงแรมที่จะไปอยู่ ไปพัก เพราะเว้ปนี้นักท่องเที่ยวใช้ทั่วโลก มี feedback จากทุกทาง ทั้งคำติคำชม ดูได้เลยว่าโรงแรมนี้ดีไม่ดีแค่ไหน เพื่อความสบายใจของผู้เข้าพัก อีกทั้งพอมีคำติ account ของโรงแรมก็จะเข้ามาตอบคำถาม ดูให้ความรู้สึกใส่ใจลูกค้ามากกก

แถมร้านอาหารหรือโรงแรมไหนมีสติกเกอร์ของ Trip Advisor ติดอยู่แปลว่าร้านอาหารหรือโรงแรมนี้เชื่อถือได้ บางร้านอาหารยังได้รางวัลจาก Trip Advisor

อย่างเช่นร้าน The Breakfast Club ที่ไปกินที่ Soho หน้าร้านก็มีสติกเกอร์ติดอยู่ จำได้ว่าเป็นรางวัลของปี 2013 แต่จำไม่ได้ว่าเป็นรางวัลอะไร พอเห็นสติกเกอร์ บวกกับคิวของคนที่ต่ออยู่ก็เชื่อเลยว่าดีจริง

ทีนึกออกก็มีแค่นี้ ถ้าจะมีเว้ปไหนที่ช่วยในการเที่ยวอังกฤษครั้งนี้อีก ก็เห็นจะเป็นพันทิป www.pantip.com ฺที่พอ search ทีไร พันทิปก็โผล่มาทุกที ต้องขอบคุณชาวพันทิปจีจีที่รีวิวการเที่ยว และได้ไปเที่ยวตามที่เค้าไปกัน ถ้าไม่มีพันทิป อาจจะเคว้งกว่านี้ก็เป็นได้



:-)
.
.
.

2015/05/31

Throwback to UK trip 2014: shopping therapy

"IF YOU CAN'T STOP THINKING ABOUT IT BUY IT"

บอกว่าไปเที่ยว ไม่ได้ชอปปิ้งก็กระไรอยู่ การชอปปิ้งก็เปรียบเสมือนการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง แต่จะสุขหรือไม่สุขอยู่ที่จำนวนเงินที่มี ถ้ามีพอซื้อได้ก็สุข ไม่พอซื้อก็ไม่สุข เพราะฉะนั้นต้องใช้แต่พอตัวนะ :B
โพสนี้เลยจะมาพูดถึงสถานที่ชอปปิ้งหลักๆ จะมีอยู่ 3 ที่คือ
Bicester Village
Harrods
Selfridges &Co.

Bicester Village

เป็น outlet village ไปเป็น 10 รอบภายในเวลา  2 เดือน โหดมาก เนื่องจาก outlet อยู่ Oxford แล้วนั่งรถจาก city centre ไม่นานก็ถึง อยากซื้ออะไรก็ไป เลยไม่มีปัญหาอะไร
วิธิเดินทางจาก Oxford city centre มี 2 แบบที่ได้ลอง แบบแรกคือตอนนั้นยังไม่รู้ว่าขึ้นที่ rail station ถูกกว่าก็ไปขึ้นโน่น ที่ป้าย C1 หรือ C2 นี่แหละ ขึ้นรถบัสสีแดงสาย S5 จ่าย £5 เป็นตั๋ว round trip นั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมงถึง แต่ถ้ารถติดหน่อยก็บวกเข้าไปอีก พอถึงรถบัสจะไปจอดตรงป้ายใกล้ๆร้านอาหาร ต้องเดินต่อไปอีกสักพักเล็กๆ ก็จะถึงตรงทางเข้าด้านหน้าทางลานจอดรถของ outlet เลย ตอนกลับก็ต้องเดินออกมาทางเดิม เดินกลับมาที่ป้ายตรงข้ามกับตอนลง รอรถมา แล้วมันก็จะพาไปจอดที่ใน city centre เหมือนเดิม เป็นอันจบการเดินทาง


การเดินทางอีกแบบนึงก็คือจาก rail station รถสีเขียวของ Stagecoach ซื้อตั๋วใน rail station ถ้ามี railcard ก็เหลือแค่ £1.7 round trip อันนี้รถออกเป็นเวลา จำได้ว่ามี 9:20am 10:00am แล้วก็เวลาอื่นๆอีก จำไม่ได้ละ ตรงนี้ดีหน่อยที่มาเป็นเวลา เลยกะได้ และคนไม่เยอะ แต่ข้อเสียคือมันจะจอดพักรถประมาณ 5นาที ในหมู่บ้าน หน้าบ้านที่ปลูกต้น Lavender เลยจำได้แม่นมาก ทางไปก็จะเป็นทุ่งๆเหมือนทุ่งนา พอถึงรถจะไปจอดด้านใน outlet เลย ข้อดีคือเดินใกล้กว่ารถ S5 นิดนึง อันนี้จอดตรงลานจอดรถด้านหลังของ outlet เดินทะลุลานจอดรถไป จะเจอสะพาน และก็ร้านอาหารไทย นั่นแหละ หรือจะเดินทะลุไปอีกทางนึง ไปโผล่ด้านหน้าของ outlet ได้เหมือนกัน เวลากลับก็เดินกลับมารอรถที่ป้ายเดิม รถก็จะพากลับไปส่งที่ rail station และเค้าก็สามารถนั่งรถ S3 กลับบ้านจากหน้า rail station ได้เลย หรือว่าจะเดินไปขึ้นตรง Gloucester Green Bus Station ก็ได้ ถ้าหน้า rail station S3 หมดแล้ว

รถบัสจาก rail station นี้ คนที่นั่งรถไฟมาลงที่ Oxford ก็สามารถนั่งรถบัสต่อไปที่ Bicester Village ได้เลย แต่ที่มันจะยากก็คือต้องกะเวลารถไฟถึง ละก็เวลาที่รถบัสออก เพราะมันออกเป็นเวลา ถ้ามาไม่ทัน หรือมาถึงแล้วต้องรอนานมันจะเสียเวลา นอกเสียจากว่าจะเข้าไปเที่ยวใน city centre ก่อน


รูปนี้ถ่ายจากบัสที่ขึ้นที่ rail station บ่งบอกถึงความว่างและโล่งสบายย

อีกวิธีนึงคือนั่งรถไฟจาก rail station มาลงที่สถานี Bicester Village ได้เลย ไม่แน่ใจว่าไปลงตรงไหน แต่ก็คงไม่ไกลมาก เพราะเห็นมันจะมีทางขึ้นให้เดินไปสถานีรถไฟตรงใกล้ๆลานจอดรถด้านหลัง

เวลาเดินที่ Bicester Village นักท่องเที่ยวที่เจอเยอะที่สุดเลยคือแขกกับจีน รองลงมาก็คนไทย บางทีแขกนี่ถือถุง Burberry ข้างละ 3-4 ใบใหญ่ๆ นี่ไม่รู้ว่าเอาไปถมบ้านหรืออะไร และพี่ไทยก็เห็นแล้วรู้เลย ถ้าถือไม้เซลฟี่ล่ะใช่เลย ฝร่งฝรั่งไม่ค่อยมีหรอก มีแต่นักท่องเที่ยวทั้งนั้นเลยยย เราเองก็เป็น 1 ในนั้น

Harrods



มาต่อกันที่ Harrods รู้ๆกันอยู่ว่าห้างดัง การเดินทางก็มาจาก tube แหละ จากโรงแรมก็สถานี Edgware Road Station นั่งสายสีเขียว District Line ไปเปลี่ยนสายเป็นสายสีน้ำเงิน Piccadilly Line ที่ Earl's Court Station แล้วก็ไปลงที่ Knightsbridge Station เดินมองหาป้ายทางไป Harrods เดินขึ้นบันได้จาก tube มาก็เจอประตูทางเข้าห้างเลยยย สบายมากกกก

Harrods เป็นห้างที่เดินยากมากๆ กว่าจะหาเจอแต่ละอย่างแต่ละชั้น กว่าจะหาที่ที่ขายกระเป๋า Harrods เจอนี่เดินวนไม่รู้กี่รอบ งงไปหมด ไปถึงก็ถ่ายรูปกับหมีสักหน่อย ตามประเพณี เดี๋ยวมาไม่ถึง จริงๆก็เคยมาแล้ว เคยถ่ายแล้ว แต่ก็ยังถ่ายไม่เลิก

Selfridges & Co.



อันนี้ก็เป็นอีกห้างนึงที่ดังพอๆกัน อยู่ตรง Oxford Street นั่ง tube จาก Edgware Road Station สายสีเขียว District Line มาลงที่ Notting Hill Gate Station เปลี่ยนสายไปที่สายสีแดง Central Line ไปลงที่ Bond Street เดินอีกหน่อยก็เจอห้างละ Selfridges เดินง่ายกว่า Harrods ล้านเท่า ไม่งง แถมตอนไปทำ tax refund ก็ง่ายสบาย

เอกลักษณ์ของ Selfridges คือถุงกระดาษสีเหลืองอ๋อย เหลืองมาก ถือไปไหนก็เด่นเป็นสง่า ต่างกับ Harrods ที่จะเป็นถุงพลาสติกสีเขียวขี้ม้า พร้อมตรา Harrods สีทอง


สถานที่ชอปปิ้งหมดแล้ว หลักๆมีเท่านี้ นอกนั้นก็จะเป็นร้านเสื้อผ้าที่เดินบ่อยๆ



3 แบรนด์นี้เดินบ่อยสุด เพราะหาง่ายใน city centre แต่ที่ชอบที่สุดก็คือ Topshop เสียเงินไปเยอะมากกับ Topshop เดินได้ทุกวัน เดินเล่น เดินเฉยๆ ซื้อบ้างไม่ซื้อบ้าง ส่วนอันสุดท้ายเป็นร้านรองเท้า มีอยู่ทุกเมือง ร้านนี้จะให้ส่วนลดกับนักเรียนที่ถือบัตรนักเรียน 10% กับทุกๆแบรนด์รองเท้าเลย ดี๊ดี

ส่วนห้างที่โน่นที่ซื้อของกิน ของใช้ก็ตามนี้เลยย





ชีวิตสะดวกสบายมากๆเมื่ออยู่อังกฤษ ทุกอย่างมันเดินทางสะดวกและง่าย ชอบตรงที่ห้างจะมี self-service cashier ที่จ่ายเงินเองได้เลย เป็นเพราะคนบ้านเค้าซื่อสัตย์ เลยไม่เกิดปัญหาอะไร นี่นึกภาพไม่ออกเหมือนกันถ้าพวก self-service cashier มีในไทย จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง
.
.
.