eveadam

eveadam

2015/05/31

Throwback to UK trip 2014: shopping therapy

"IF YOU CAN'T STOP THINKING ABOUT IT BUY IT"

บอกว่าไปเที่ยว ไม่ได้ชอปปิ้งก็กระไรอยู่ การชอปปิ้งก็เปรียบเสมือนการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง แต่จะสุขหรือไม่สุขอยู่ที่จำนวนเงินที่มี ถ้ามีพอซื้อได้ก็สุข ไม่พอซื้อก็ไม่สุข เพราะฉะนั้นต้องใช้แต่พอตัวนะ :B
โพสนี้เลยจะมาพูดถึงสถานที่ชอปปิ้งหลักๆ จะมีอยู่ 3 ที่คือ
Bicester Village
Harrods
Selfridges &Co.

Bicester Village

เป็น outlet village ไปเป็น 10 รอบภายในเวลา  2 เดือน โหดมาก เนื่องจาก outlet อยู่ Oxford แล้วนั่งรถจาก city centre ไม่นานก็ถึง อยากซื้ออะไรก็ไป เลยไม่มีปัญหาอะไร
วิธิเดินทางจาก Oxford city centre มี 2 แบบที่ได้ลอง แบบแรกคือตอนนั้นยังไม่รู้ว่าขึ้นที่ rail station ถูกกว่าก็ไปขึ้นโน่น ที่ป้าย C1 หรือ C2 นี่แหละ ขึ้นรถบัสสีแดงสาย S5 จ่าย £5 เป็นตั๋ว round trip นั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมงถึง แต่ถ้ารถติดหน่อยก็บวกเข้าไปอีก พอถึงรถบัสจะไปจอดตรงป้ายใกล้ๆร้านอาหาร ต้องเดินต่อไปอีกสักพักเล็กๆ ก็จะถึงตรงทางเข้าด้านหน้าทางลานจอดรถของ outlet เลย ตอนกลับก็ต้องเดินออกมาทางเดิม เดินกลับมาที่ป้ายตรงข้ามกับตอนลง รอรถมา แล้วมันก็จะพาไปจอดที่ใน city centre เหมือนเดิม เป็นอันจบการเดินทาง


การเดินทางอีกแบบนึงก็คือจาก rail station รถสีเขียวของ Stagecoach ซื้อตั๋วใน rail station ถ้ามี railcard ก็เหลือแค่ £1.7 round trip อันนี้รถออกเป็นเวลา จำได้ว่ามี 9:20am 10:00am แล้วก็เวลาอื่นๆอีก จำไม่ได้ละ ตรงนี้ดีหน่อยที่มาเป็นเวลา เลยกะได้ และคนไม่เยอะ แต่ข้อเสียคือมันจะจอดพักรถประมาณ 5นาที ในหมู่บ้าน หน้าบ้านที่ปลูกต้น Lavender เลยจำได้แม่นมาก ทางไปก็จะเป็นทุ่งๆเหมือนทุ่งนา พอถึงรถจะไปจอดด้านใน outlet เลย ข้อดีคือเดินใกล้กว่ารถ S5 นิดนึง อันนี้จอดตรงลานจอดรถด้านหลังของ outlet เดินทะลุลานจอดรถไป จะเจอสะพาน และก็ร้านอาหารไทย นั่นแหละ หรือจะเดินทะลุไปอีกทางนึง ไปโผล่ด้านหน้าของ outlet ได้เหมือนกัน เวลากลับก็เดินกลับมารอรถที่ป้ายเดิม รถก็จะพากลับไปส่งที่ rail station และเค้าก็สามารถนั่งรถ S3 กลับบ้านจากหน้า rail station ได้เลย หรือว่าจะเดินไปขึ้นตรง Gloucester Green Bus Station ก็ได้ ถ้าหน้า rail station S3 หมดแล้ว

รถบัสจาก rail station นี้ คนที่นั่งรถไฟมาลงที่ Oxford ก็สามารถนั่งรถบัสต่อไปที่ Bicester Village ได้เลย แต่ที่มันจะยากก็คือต้องกะเวลารถไฟถึง ละก็เวลาที่รถบัสออก เพราะมันออกเป็นเวลา ถ้ามาไม่ทัน หรือมาถึงแล้วต้องรอนานมันจะเสียเวลา นอกเสียจากว่าจะเข้าไปเที่ยวใน city centre ก่อน


รูปนี้ถ่ายจากบัสที่ขึ้นที่ rail station บ่งบอกถึงความว่างและโล่งสบายย

อีกวิธีนึงคือนั่งรถไฟจาก rail station มาลงที่สถานี Bicester Village ได้เลย ไม่แน่ใจว่าไปลงตรงไหน แต่ก็คงไม่ไกลมาก เพราะเห็นมันจะมีทางขึ้นให้เดินไปสถานีรถไฟตรงใกล้ๆลานจอดรถด้านหลัง

เวลาเดินที่ Bicester Village นักท่องเที่ยวที่เจอเยอะที่สุดเลยคือแขกกับจีน รองลงมาก็คนไทย บางทีแขกนี่ถือถุง Burberry ข้างละ 3-4 ใบใหญ่ๆ นี่ไม่รู้ว่าเอาไปถมบ้านหรืออะไร และพี่ไทยก็เห็นแล้วรู้เลย ถ้าถือไม้เซลฟี่ล่ะใช่เลย ฝร่งฝรั่งไม่ค่อยมีหรอก มีแต่นักท่องเที่ยวทั้งนั้นเลยยย เราเองก็เป็น 1 ในนั้น

Harrods



มาต่อกันที่ Harrods รู้ๆกันอยู่ว่าห้างดัง การเดินทางก็มาจาก tube แหละ จากโรงแรมก็สถานี Edgware Road Station นั่งสายสีเขียว District Line ไปเปลี่ยนสายเป็นสายสีน้ำเงิน Piccadilly Line ที่ Earl's Court Station แล้วก็ไปลงที่ Knightsbridge Station เดินมองหาป้ายทางไป Harrods เดินขึ้นบันได้จาก tube มาก็เจอประตูทางเข้าห้างเลยยย สบายมากกกก

Harrods เป็นห้างที่เดินยากมากๆ กว่าจะหาเจอแต่ละอย่างแต่ละชั้น กว่าจะหาที่ที่ขายกระเป๋า Harrods เจอนี่เดินวนไม่รู้กี่รอบ งงไปหมด ไปถึงก็ถ่ายรูปกับหมีสักหน่อย ตามประเพณี เดี๋ยวมาไม่ถึง จริงๆก็เคยมาแล้ว เคยถ่ายแล้ว แต่ก็ยังถ่ายไม่เลิก

Selfridges & Co.



อันนี้ก็เป็นอีกห้างนึงที่ดังพอๆกัน อยู่ตรง Oxford Street นั่ง tube จาก Edgware Road Station สายสีเขียว District Line มาลงที่ Notting Hill Gate Station เปลี่ยนสายไปที่สายสีแดง Central Line ไปลงที่ Bond Street เดินอีกหน่อยก็เจอห้างละ Selfridges เดินง่ายกว่า Harrods ล้านเท่า ไม่งง แถมตอนไปทำ tax refund ก็ง่ายสบาย

เอกลักษณ์ของ Selfridges คือถุงกระดาษสีเหลืองอ๋อย เหลืองมาก ถือไปไหนก็เด่นเป็นสง่า ต่างกับ Harrods ที่จะเป็นถุงพลาสติกสีเขียวขี้ม้า พร้อมตรา Harrods สีทอง


สถานที่ชอปปิ้งหมดแล้ว หลักๆมีเท่านี้ นอกนั้นก็จะเป็นร้านเสื้อผ้าที่เดินบ่อยๆ



3 แบรนด์นี้เดินบ่อยสุด เพราะหาง่ายใน city centre แต่ที่ชอบที่สุดก็คือ Topshop เสียเงินไปเยอะมากกับ Topshop เดินได้ทุกวัน เดินเล่น เดินเฉยๆ ซื้อบ้างไม่ซื้อบ้าง ส่วนอันสุดท้ายเป็นร้านรองเท้า มีอยู่ทุกเมือง ร้านนี้จะให้ส่วนลดกับนักเรียนที่ถือบัตรนักเรียน 10% กับทุกๆแบรนด์รองเท้าเลย ดี๊ดี

ส่วนห้างที่โน่นที่ซื้อของกิน ของใช้ก็ตามนี้เลยย





ชีวิตสะดวกสบายมากๆเมื่ออยู่อังกฤษ ทุกอย่างมันเดินทางสะดวกและง่าย ชอบตรงที่ห้างจะมี self-service cashier ที่จ่ายเงินเองได้เลย เป็นเพราะคนบ้านเค้าซื่อสัตย์ เลยไม่เกิดปัญหาอะไร นี่นึกภาพไม่ออกเหมือนกันถ้าพวก self-service cashier มีในไทย จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง
.
.
.

2015/05/30

Throwback to UK trip 2014: food me love anywhere else

รู้สึกว่าโพสเรื่องร้านอาหารนี่จะยาวและเยอะมากแล้ว 
สัญญาว่านี่จะเป็นโพสสุดท้ายเกี่ยวกับอาหารละกัน
ฮี่ฮี่

โพสนี้จะเป็นเรื่องร้านอาหารที่ไปกินมานอก Oxford and London แบบเวลาไปเที่ยวเมืองอื่นๆ แต่จริงๆจำไม่ได้หมดหรอก เลยเอามาแต่อันที่จำได้ และรสชาติเป็นที่น่าจดจำ

อย่างที่รู้ๆกันเลยวา Fish & Chips เป็นอาหารพื้นเมืองของประเทศอังกฤษ และก็เปรียบเสมือนอาหารสิ้นคิดของอังกฤษอีกเหมือนกัน เหมือนข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวบ้านเรานั่นเอง เลยจะมาเริ่มที่เมนูแรก Fish & Chips ได้ไปลองมา 2 ที่หลักๆคือ Brighton and Liverpool

เริ่มที่ Brighton ก่อนดีกว่า ที่มาที่ไปที่ได้มากิน Fish & Chips ถึง Brighton นั่นก็เป็นเพราะว่าเมืองนี้ เป็นต้นกำเนิดของ Fish & Chips และโดย general knowledge แล้ว ถิ่นที่มาจะต้องอร่อยที่สุด เหมือนไปกินไส้อั่วที่ภาคเหนืองี้ แต่.. มันไม่เป็นเหมือนฝันน่ะสิ ไปต่อแถวร้าน Fish & Chips ที่หน้า Brighton Pier เห็นคนต่อเยอะ ก็เห้ย Fish & Chips ว่ะ ลองกินกันๆ ไปยืนต่อแถวสักพัก ซื้อมา ราคาค่อนข้างถูก ประมาณ £5-£7 ไม่เกินนี้ 


ร้านนี้เลยยยย อยู่ตรงหน้า Brighton Pier เดินไปละจะเจอเลย (รูปนี้ก็มาจาก google เหมือนเดิมครับ อากู๋หาให้ได้ทุกอย่างจริงๆ) อยากจะให้เห็นหน้าตาอาหาร คือมันไม่ได้แย่เลยนะ หน้าตาโอเค แต่รสชาตินี่ยังไงดี ก็โอเคในแค่ระดับนึงเท่านั้นนะ  french fries มันเละๆ ไม่กรอบ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าคนเยอะ ทำไม่ทันอะไรงี้รึเปล่า เลยไม่อร่อย ช่างเหอะ ไม่อร่อยคือไม่อร่อยนะ


นี่เลย หน้าตางี้ ดีนะ ถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่อร่อยไม่พอ แถมยังกินยาก มีแต่ส้อมกระดาษเล็กๆสั้นๆ จะจิ้มทีเนื้อปลาก็หลุดรุ่ย งือออออออออ อุตส่าห์มากินถึงถิ่น สรุปว่ามากินผิดร้านนั่นเองนะ

มีอีกที่นึงคือที่ Liverpool ตอนนั้นเดินเล่นไปตาม Albert Dock หาร้านอาหารกินไม่ได้เลย คนเยอะไปซะทุกร้าน วันนั้นน่าจะเป็นวันหยุด หรือมีงานอะไรสักอย่าง แล้วก็เลยตัดสินใจไปปเดินหาด้านนอก ไปเจอ food truck ที่ริมทะเลสาบ ลมแรงมาก ก็เลยตกลงกินอันนั้ มีให้เลือกอยู่หลายร้าน แต่ผลก็มาตกลงที่ Fish & Chips เจ้าเก่า อันนี้อาหารอร่อย แต่ข้อเสียอยู่ที่ซอส คือใส่ซอสมะเขือเทศมา แต่ว่า tomato sauce เมืองนอกน่ะ มันจะแบบ ผสม vinegar เข้าไปด้วย พอกินคำแรก อื้อหืออ ฉุนขึ้นจมูกเลย แถมเปรี้ยว ซอสเลยหลายเป็นว่าทำให้อาหารไม่อร่อยไปเลย ราคาก็ไม่แพงเหมือนกัน ประมาณ £4-£6 หน้าตาอาหารดีเลยนะ แต่ดันมาตกม้าตายที่ซอส เซ็งเลออออ


มาต่อกันที่อีกเมืองนึงใกล้ๆ London นั่นก็คือ Bath เป็นร้านขายชาชื่อ Sally Lunn's เป็น one of the oldest houses in Bath and home of the original Bath bun 

ที่มาที่ไปก็คือ ปุ๊กฝากซื้อชาที่ Bath และตอนนั้นได้ไปพอดีก็เลยไปเดินหาร้าน ร้านมันจะเดินออกมาจาก Roman Baths จากร้านไอติม จะเจอต้นไม้ใหญ่ๆมากๆต้นนึง เลี้ยวซ้าย ตรงไปตามทางเรื่อยๆ จะเจอป้ายสีแดงๆ ร้านเล็กๆ นั่นแหละ ถึงแล้วววว

ขโมยรูปมาจากเฟสบุ้คปุ๊ก และก็ google เจ้าเดิม ต้นไม่ต้นนี้เด่นและใหญ่มาก แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่น


พอเจอร้านก็เข้าไปหาที่นั่ง คือเค้าอ่ะอยากลองนั่งจิบชาอังกฤษ คือมันอร่อยมาก แต่ว่าเพื่อนไม่มีใครอยากกินด้วยเลย อยากลองมาก เสียดาย แต่พอเสียงส่วนมากไม่อยากก็ไปปป ก็เลยตัดสินใจลุกจากโต๊ะ ลงไปซื้อชาให้ปุ๊กที่ชั้นล่าง ปุ๊กบอกเอา House Blended Tea แล้วก็แนะนำให้ลองกิน Sally Lunn's Bun เป็นขนมปังก้อนกลมๆใหญ่ๆ ก็เลยซื้อชาให้ปุ๊ก เค้ากะแพรก็ซื้อกลับบ้านคนละกล่อง ชากล่องละประมาณ £13 กว่าๆ ละก็ซื้อขนมปัง มาแบ่งกันกิน ซื้อเสร็จก็ไปนั่งกินกันตรงร่มไม้ตรงกลาง The Circus

นั่งกินไปๆมาๆ เอาชาขึ้นมาดูสักหน่อยซิ เอามาดม อ่าวเห้ย นี่มันกาแฟ มาอ่านอีกทีมันคือ House Blended Coffee คือเห็นแค่คำว่า House Blended ก็เลยหยิบมาเลย ฮือออ ก็เลยต้องเดินกลับไปเปลี่ยนอีกรอบนึง พอมาถึงตอนที่ลองกินขนมปัง หืมมม ไหนบอกอร่อย เหมือนขนมปังปลาเลย 5555 แข็งๆ หน่อย คือมันก็อร่อยแหละ แต่ไม่ขนาดนั้นไง ก็เลยขำๆ แบ่งกันกิน แต่สุดท้ายก็ไม่หมด


ขนมปังหน้าตาเป็นงี้เลย ลูกใหญ่ๆ คิดว่าถ้าจะให้อร่อยคงต้องกินกับชาร้อนๆ คงเข้ากันน่าดูเลย

กลับจาก Bath มาที่ Reading กันดีกว่า ตอนนั้นนั่งรถไฟจาก Oxford ไปกิน Cosmo Buffet ถึงที่ Reading กันเลยทีเดียว นั่งรถไปมาแค่ประมาณ 20 นาทีก็ถึงละ แต่ละวันราคาจะไม่เท่ากัน ตอนนั้นไปกินวันศุกร์มั้ง ราคา £13 หรือ £14 นี่แหละ อาหารเยอะมาก และอร่อยเกือบทุกอย่างด้วย ใช้ของดี มีทั้ง Thai Japanese Korean Indian and etc. อิ่มมาก ตามแบบฉบับบุฟเฟ่ท์ อาหารไทยนี่รสชาติคนไทยแท้ๆเลย อร่อยมากจริงงง


เมืองสุดท้ายคือ Nottingham ได้ไปกิน 2 ร้านหลักๆ คือ Red Hot World Buffet and Sukhothai 

เริ่มที่ Red Hot World Buffet กันก่อนละกัน เป็นร้านบุฟเฟ่ท์ หรือจะเรียกอีกชื่อว่าอาณาจักรบุฟเฟ่ท์ก็ได้ เพราะใหญ่มากกกกกกก อาหารเยอะมากกก โต๊ะเยอะมากกกกก คนเยอะมากกกกก อาหารมีมาจากทุกชาติให้คุณได้เลือกสรร ทุกชาติจริงๆ อาหารอร่อยด้วย แต่ว่าเลือกกินไม่ถูกเลยย ตอนนั้นจ่ายไปคนละ £11 น่าจะใช้บัตรนักเรียนลด อิ่มมากกก ตอนนั้นไปกินกัน 6 คน มีอีฟ พริม แพร สตัง พี่เอิท ละก็พี่ยุ้ย


อีกร้านคือ Sukhothai หรือร้านสุโขทัยนั่นแหละ เป็นร้านอาหารไทย อยู่แถวๆ Beeston เป็นร้านอาหารไทยที่รสจัดมากๆ ไปกินกัน 6 คนกลุ่มเดิมม สั่งอาหารมาหลายอย่างเหมือนกัน จำไม่ได้ว่าผัดกระเพราหรืออะไร รู้แต่ว่าเผ็ดมากกกกกกกก กินน้ำไปเยอะมาก อิ่ม และอร่อย


รูปจาก google เหมือนเดิม เป็นร้านเล็กๆ คุณป้าอายุเยอะหน่อย เป็นคนทำอาหาร มีไม่กี่โต๊ะในร้าน แต่ก็น่าจะช่วยชีวิตเด็กนักเรียนไทยในต่างแดนได้เป็นอย่างดีเลย คุ้มราคาที่จ่ายไปจีจี :3

ขอจบโพสเกี่ยวกับอาหารไว้เพียงเท่านี้


2015/05/29

Throwback to UK trip 2014: food me love in London

:-)

มาต่อกันกับเรื่องอาหารอีกโพสนึง และก็คาดว่าจะมีต่ออีกหน่อย 
โพสนี้เป็นร้านอาหารในลอนดอน ตอนที่ไปอยู่ลอนดอนอาทิตย์นึง ไล่กินในสิ่งที่อยากกินให้หมดเลย อร่อยมากก ปริ่ม มีความสุขกับการกินฉุดๆ

สิ่งแรกเลยก็คือ Burger and Lobster สิ่งนี้ต้องโดน คือดีมากๆ
เดินออกจาก Harrods สักพักเล็กๆ จะเจอตึกชื่ออะไรจำไม่ได้ แต่เหมือนเป็น mall เล็ก ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 คือตรงทางเข้าจะมีโลโก้ร้านติดเลย เขียนว่า Burger and Lobster อยู่ที่ชั้น 5 ก็ขึ้นไป ออกจากลิฟท์มาก็หันซ้ายหันขวา เจอร้านก็เดินไปบอกพนักงานเลยว่ากี่ที่ ละเค้าก็จะจัดที่นั่งให้เรียบร้อยย


โลโก้เป็นแบบนี้เลยยยย

เมนูอาหารในร้านหลักๆจะมีอยู่ 3 เมนูคือ
1. Lobester Roll
2. Burger and Lobster
3. Grilled or Steamed Lobster (เลือกได้)

โดยส่วนใหญ่ที่เห็นคนกินก็จะกินเมนูที่ 3 นี่ไปสองรอบก็กินเมนูที่ 3 สองรอบเลย อร่อยมากกกกกกก ตอนเสิร์ฟก็จะมาเสิร์ฟเป็นจากใหญ่ๆ กุ้งตัวใหญ่มากกกก หอมมาก มากับเครื่องเคียงคือ สลัด french fries และก็น้ำจิ้ม

น้ำจิ้มกินไปกินมารสชาติกับกลิ่นมันจะออกคล้ายๆ Carbonara sauce เป็นแบบครีมๆชีสๆหน่อย


ขออวดรูปหนักๆ ไปกินมา 2 รอบ ได้นั่งโต๊ะเดิมสองรอบเลย รอบแรกเข้าลอนดอนไปหาคัมเอ้ยกับ พริมแพรสตังและก็น้องออม อีกรอบคือตอนที่มาอยู่ลอนดอนแล้ว มากินกับพริมแพรสตัง เหมือนเดิม แตกต่างที่มีบูมมาด้วย มากินทีไรก็อร่อยทุกที อร่อยมากก เขียนไปหิวไป สลัดอร่อย น้ำจิ้มเด็ด กุ้งไม่ต้องพูดถึง ทั้งสองรอบกินแบบ grilled อร่อยมาก หอมมาก และที่ถูกใจที่สุดคือ french fries ดีมากกกกกกกกกก กรอบ หอม อร่อย perfect สุดแล้วว

ทั้ง 3 เมนูข้างต้นจะราคาเท่ากันหมดเลยคือ £20 เป็นน้ำหนัก standard ของกุ้ง แต่เราสามารถเลือกน้ำหนักของกุ้งได้ ถ้าอยากได้ตัวใหญ่กว่านี้ แต่ราคาก็จะเพิ่มไปตามน้ำหนักของกุ้ง

ตอนที่เค้าเสิร์ฟเค้าจะให้ถังใส่เศษกุ้งมาด้วย พร้อมกับแผ่นพลาสติกกันเปื้อน เหมือนที่เด็กมัดใส่คอเอาไว้ตอนกินข้าวอ่ะ และก็กระดาษเปียกเช็ดมือ มีอุปกรณ์เสริมใรการแกะกุ้งด้วยก็คือคีมหนีบก้าม กะไม้ที่ใช้แคะๆไปในซอกกุ้ง บอกเลยว่าเป็นมื้อที่เด็ดมาก อร่อยลืม ตอนกินนี่ไม่มีใครคุยกะใคร แบะพอกินเสร็จก็เปื้อนถึงข้อศอก มือนี่มันแผล่บกันเป็นแถวววว

ต่อด้วย Four Season Duck พลาดไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง จริงๆแล้วเป็ดนี่มีหลายร้านมากๆ ตั้งเรียงๆติดกันใน Soho Chinatown แต่ได้ยินมาว่า originally เลยคือที่สาขา Bayswater แต่พวกเค้าไม่ซีเรียสอะไร เห็นร้านนี้น่ากินก็เข้าไป ไปกินอยู่ประมาณ 3 ครั้งได้ ทุกครั้งจะสั่งเมนูเดิมเลยคือ เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ คะน้าราดน้ำมันหอย เมนูเสริมอื่นๆก็ค่อยว่ากัน ปริ่มมาก อร่อย กินกับข้าวสวยร้อนๆ

ที่ตลกมากคือ เวลาเข้าร้านไป มีแต่คนไทยไปกิน นึกว่ากินอยู่ที่ MK ซะอีก มีพนักงานหญิงคนนึง ตอนที่ขอข้าวเพิ่ม แล้วเค้ากำลังจะเอามาเสิร์ฟ เค้าจะพูดว่า "ข้าวๆๆๆๆๆๆๆ" รัวๆหลายๆรอบ เป็นที่น่าจดจำมาก


นี่เลยยยย หน้าตาของอาหาร อาจจะไม่พิถีพิถันนะ แต่อร่อยโคตรรรรรรรรรรรรรร เอารูปมาจากพริม แฮ่ ขโมยมา บอกแล้วว่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้เยอะๆ กินทีๆนึงก็พากันหมดประมาณ £16-£19 ไม่เกินนี้ สั่งกันแบบไม่มีพรุ่งนี้ กลัวไม่อิ่มกัน 55555555555 แต่ก็หมดทุกรอบนะ

ต่อมาเป็นร้านอาหาร Italian ชื่อ Bella Italia ที่ Oxford เดินผ่านทุกวัน เพราะอยู่ตรงใกล้ๆป้ายรถบัสที่จะต้องขึ้นกลับบ้าน แต่ก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปกิน แต่พออยู่ลอนดอน ตอนนั้นจำได้ว่าเหนื่อยจากการเดินหลงทางไป Lavender Farm ก็เลยกินอะไรก็ได้ ผลก็มาตกที่ร้านนี้

พอได้กิน ปรากฎว่าอร่อยมากกกกกกก รู้สึกเสียดายเลยที่ไม่ได้ลองกินตั้งแต่แรกๆที่มาอยู่ อาหารอร่อยทุกอย่างเลย แต่ราคาก็แอบแพงนะ 


นี่เป็นบรรยากาศตอนที่แย่งของหวานกินกัน สั่งไปอันเดียว แต่ได้มาสองซะงั้น กินอาหารอิ่มๆ มาเจอของหวานนี่เป็นอะไรที่หวานปาก และสบายท้องมากพอตัว

ต่อด้วยร้านที่อยู่ใน Soho อีก 1 ร้านนั่นก็คือ The Breakfast Club ร้านนี้ทำตามคำเรียกร้องของคุณนายพริม ที่ไปเจอในไอจีและมันน่ากิน เลยอยากไปกินให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เดินเปิด google map ตามทางไปเรื่อยๆ เดินสักพักใหญ่ๆเลย ไปตามตึก ตาม bloc ก็เจอ จะบอกว่าก่อนเจอนี่วนซ้ายวนขวา งงไปหมดเลย 

ตอนไปถึงน่าจะประมาณ 9 หรือ 10 โมงไม่เกิน แถวค่อนข้างยาว ต้องรอให้คนข้างในกินเสร็จแล้วจะค่อยๆเรียกทีละคิว อาจจะเป็นเพราะว่าร้านนี้ดังและแอบมีความ unique อยู่ในตัว 

เมนูมีให้เลือกเยอะมาก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะกิน Full English Breakfast อร่อยดี อร่อยเกือบทุกเมนูเลยย




สั่งกันเต็มที่ แต่ตอนกินนี่ไม่ค่อยจะอิ่มเท่าไร ส่วนเรื่องราคาตอนนั้นหมดไปประมาณ £10.65 ตามที่จดไว้

ต่อไปคือตัวเอกของโพสนี้ นั่นก็คือ Nando's Chicken ร้านนี้ถูก recommended by พี่เอิท อร่อยมาก รสชาติจะออกเปรี้ยวๆหน่อย เผ็ดๆ มีระดับซอสให้เลือก นอกเหนือจากระดับความเผ็ดของไก่แล้ว ก็ยังเลือกได้อีกว่าจะกินไก่เท่าไหน 1 ตัว 1/2 หรือ 1/4 เลือกเครื่องเคียงในจานได้ แล้วก็สั่งออกมาเป็นจานเดี่ยวได้อีก เอาเป็นว่าเลือกได้ทุกอย่าง จำไม่ได้ว่าทุกทีที่ไปกินนี่กิน 1/2 หรือ 1/4 แต่ทุกครั้งที่ไปคืออร่อยมาก และกินเกลี้ยงทุกครั้ง

จริงๆแล้ว Nando's มีสาขาอยู่ทั่วไปในประเทศอังกฤษ ครั้งแรกที่ไปกินก็กินที่ Nottingham แล้วก็ Oxford แล้วก็อื่นๆ อีกหลายๆครั้งมั้ง อร่อยจนลืมไม่ลง หิวมาก และรูปก็ยืมของพริมแพรมาอีกเช่นเดิม


เครื่องเคียงก็มีให้เลือกไม่มากเท่าไร ตามในรูปก็จะมี 
french fries, mashed potato, coleslaw, salad, garlic bread แล้วก็อื่นๆอีกที่จำไม่ได้

และนี่ก็คือเหล่าซอสของ Nando's เวลาสั่งก็จะไปสั่งที่ counter จ่ายเงิน เค้าก็จะเอามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ เราก็เดินไปกดน้ำ หยิบส้อมมีด ซอส ทิชชู่แล้วก็ลงมือออออ เวลาที่เค้ากิน ถ้าจำไม่ผิดจะเอา Lemon & Herb Peri-Peri Sauce and Extra Hot Peri-Peri Sauce มาผสมกัน จะได้รสเปรี้ยวๆเผ็ดๆ กำลังดี


ต่อมาก็จะเป็นร้านอาหารชื่ออะไรก็ไม่รู้ อยู่ใน Portobello Road Market and Notting Hill เอาจริงนี่ก็แยกไม่ออกเหมือนกันนะว่าตรงไหนคืออันไหนกันแน่ แต่ในความคิดคือ Notting Hill น่าจะอยู่ใน Portobello Road Market เป็นถนนที่ขายของเก่า คลาสสิค บ้านหลากสีเรียงกัน ใช่เลย

ตอนนั้นไปเดินเที่ยวแถวนั้นพอดี ละมีเรื่องน่าโมโหนิดหน่อย ก็เลยอารมณ์ไม่ค่อยจะดีกันทั้งหมดนั่นแหละ ก็เลยคิดว่าหาไรกินแถวนั้นเลยละกัน ไปเจอร้านนี้พอดี ร้านน่ารักดี แต่ก็ไม่คิดว่าอาหารจะอร่อยหรอก แต่มันดันอร่อยไง และอร่อยมากด้วย จำไม่ได้ว่าตอนแรกกินอะไร หรือไม่ได้กินไม่รู้ แต่ว่าตอนหลังสั่ง Fish and Chips มากินเพราะเห็นของเพื่อนน่ากินมาก และปลาสดมาก ราคา £13 ตอนหลัง บูมกะพริม ก็สั่งกันอีกคนละจาก ฮี่ อร่อยมากก ให้เยอะมากด้วย

เสียดายเหมือนเดิมที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา และดันจำไม่ได้ด้วยว่าร้านชื่ออะไรรรร

งั้นก็มาต่อที่ร้านนิรนามอีกร้านนึง คือร้าน Sushi Buffet หัวละ £20 ร้านอยู่แถวๆ Covent Garden เดินออกมาไม่ไกลมากนัก ได้มากินเพราะว่าพี่พราว ลูกพี่ลูกน้องคัมเอ้ยพามากิน เวลาสั่งอาหารก็จะสั่งได้ทีละ 5 อย่าง ทั้งซูชิ และปลาดิบ จะเอากี่จำนวนคนกินก็เขียนไป และก็พวก Appetizer เช่น เทมปุระ เกี๊ยวซ่า บลๆๆๆ ก็สั่งแยกอีกเมนูนึง อร่อยและอิ่มมาก ด้วยความที่เป็นบุฟเฟ่ท์ ตอนแรกก็แย่งกัน ตอนหลังดันเกี่ยงกันซะงั้น แต่ก็อิ่มอร่อย และผ่านไปได้ด้วยดี


รูปนี้เอามาจากไอจีบูม เซ็งมาก หารูปที่ถ่ายกันหน้าร้านไม่เจอ คือเห็นแว้บๆ แต่จำไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน ฮืออ

อย่างที่เห็นในรูป ปลาดิบกับซูชิเยอะมากก เพราะตอนนั้นไปกัน 7 คนมี อีฟ พริม แพร สตัง บูม คัมเอ้ย พี่พราว ละก็เพื่อนพี่พราว คุยกันเสียงดัง ตลกมาก อิ่มมาก 

ต่อกันที่อีกร้านนึง ร้านนี้อยู่อังกฤษมา 2 เดือนไม่เคยกิน แต่ได้ไปกินในสนามบินตอนจะกลับ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Yo! Sushi จะเป็นร้านซูชิจานหมุน แบ่งออกเป็นสีๆ ที่นั่งจะเป็นโต๊ะยาว ใครจะนั่งตรงไหนก็นั่ง อยากกินจานไหนก็หยิบมากิน บนโต๊ะจะมีแผ่นกระดาษรอง เขียนบอกว่าจานสีไหน ราคาเท่าไร ราคาตามในรูปเลยยยยย ละก็กินเพลินเชียว




นอกจากนี้ยังสั่ง a la carte เพิ่มได้ ตอนไปนั่งกินนี่ฮือฮามาก เพราะหิว เลยกินจัดเต็มแบบไม่ยั้ง ไหนๆก็จะบินกลับอยู่แล้ว สรุปว่าอิ่มมากกกกกกกกกก หน้าร้านมีจัดเป็น meal box ขาย และก็มีของหวานให้สั่งกินด้วย สรุปค่าเสียหายที่กินไปเป็นเงินประมาณ £30 อิ่ม อร่อย พร้อมกลับบ้าน แฮ่


จบของคาว มาต่อด้วยของหวาน ที่ขึ้นชื่อที่สุดในประเทศอังกฤษเลยก็จะเป็น Ben's Cookies เป็น soft baked cookie ที่อร่อยที่สุดในโลกกกกก ความจริงแล้ว สิ่งๆนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้ต้องการคำอธิบายมาก คือมันอร่อยอยู่แล้ว กินแล้วเหมือนได้ขึ้นสวรรค์


นี่เป็นรูปจากของพริม หารูปตัวเองไม่เจออีกละ เซ็งมั้ยให้ทาย อันนี้เป็นร้าน Ben's Cookies ใน Oxford อยู่ใน cover market เชื่อมั้ยว่าอยู่อังกฤษกินครั้งเดียวเอง กลับมาละรู้สึกว่าตัวเองโง่จัง ทำไมไม่กินให้หนำใจ คือมัวแต่ไปกิน Krispy Kreme ไง เพราะมันซื้อง่าย เดินเข้า Tesco หยิบใส่ถุง จ่ายเงิน จบ แต่อันนี้ต้องไปถึง cover market ซึ่งเดินไกลกว่า ฮือออออออ ทำไมไม่กินวะแกรรร แกมันโง่เง่าเต่าตุ่นจีจี โดนัทหากินเมืองไทยได้ แต่ Ben's Cookies หาไม่ได้นะเว้ยยย งืออออออออออออ

นั่นแหละนะ ความที่นึกไม่ถึง แต่ยังไงก็ตาม ก่อนกลับ ได้ไปซื้อกลับมาฝากแม่กล่องนึง เพราะแม่อยากกิน หิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาเมืองไทย ร้านนี้ที่ลอนดอน อยู่ไม่ไกลจากห้าง Selfridges ตรง Oxford Street ตอนแรกก็เดินหากันตั้งนาน นึกว่าไกล ที่ไหนได้อยู่แค่ปลายจมูกเองงง


อีกสิ่งหนึ่งที่ดีงามไม่แพ้ Ben's Cookies เลยก็คือ Godiva ผู้เป็นเจ้าพ่อแห่ง chocolate มีหลากหลายเมนู เช่น ice cream, chocolate frappe, strawberry chocolate และอีกมากมาย ชอคโกแลตสดก็อร่อย กล่องก็อร่อย โอ้ยยยย อินมาก อยู่ลอนดอนอาทิตย์นึง ไปกินเกือบทุกวัน อยู่ที่ Covent Garden เค้ากินแต่ Dark Chocolate Ice Cream โคนละ £4 อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบบ to die for


ได้ลองสองเมนู ยกเว้น strawberry แต่ก็รู้ว่ายังไงก็ต้องอร่อยแน่ๆ ให้ตายเถอะ อยากกินมากกกก
รสชาติ dark chocolate มันช่างขมนุ่มปนหวาน อร่อยจริงๆ

เจอกันอีกทีโพสหน้า จะเป็นเกี่ยวกับร้านอาหารต่างๆที่ได้ไปกินมาในเมืองอื่นๆนะฮะ

:3
.
.
.